เทวดาได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแปลงกายเป็นพราหมณ์ที่มีใบหน้าสว่างสไว สวมชุดสีขาวราวหิมะ เทวดาทูลถามปัญหาต่อพระพุทธเจ้าว่า“อะไรคือดาบที่คมที่สุด อะไรคือยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด อะไรคือไฟที่ร้ายที่สุด อะไรคือคืนที่มืดที่สุด”พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า :“วาจาที่กล่าวด้วยความโกรธคือดาบที่คมที่สุดความโลภคือยาพิษที่ร้ายแรงที่สุด ความปรารถนาคือไฟที่ร้ายที่สุด ความหลงผิดคือคืนที่มืดที่สุด”เทวดาทูลถามว่า “ใครคือผู้ที่ได้มากที่สุด ใครคือผู้ที่เสียมากที่สุด อะไรเป็นเกราะที่แข็งกร่งที่สุด อะไรคืออาวุธที่ดีที่สุด”พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “คนที่ให้คือคนที่ได้มากที่สุด คนที่เอาแต่ได้โดยไม่ตอบแทน คือคนที่เสียมากที่สุด ความอดทนคือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุด ปัญญาคืออาวุธที่ดีที่สุดเทวดาทูลถามว่า “ใครคือโจรที่อันตรายที่สุดอะไรคือทรัพย์ที่มีค่าที่สุด ใครที่สามารถที่สุดในการยึดครองไม่ว่าบนโลกหรือสวรรค์ อะไรคือขุมทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดพระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ความคิดร้ายคือโจรที่อันตรายที่สุด คุณธรรมคือทรัพย์อันมีค่าที่สุด ใจคือผู้ยึดครองทุกสิ่งไม่ว่าบนโลกนี้หรือสวรรค์ อมตะนิพพานคือขุมทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุดเทวดาทูลถามว่า “อะไรคือสิ่งที่น่ารักอะไรคือสิ่งที่น่ารังเกียจ อะไรคือความทุกข์ทรมานที่น่ากลัวที่สุด อะไรคือความสุขที่สุด”พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ความดีคือสิ่งที่น่ารัก ความชั่วคือสิ่งที่น่ารังเกียจ มิจฉาสติคือความทุกข์ทรมานที่น่ากลัวที่สุด ความหลุดพ้นคือความสุขที่สุด”เทวดาทูลถามว่า “อะไรทำให้โลกพินาศ อะไรที่ทำลายมิตรภาพ อะไรคือไข้ที่ร้ายแรงที่สุดใครคือแพทย์ที่ดีที่สุด”พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “อวิชชา (ความไม่รู้แจ้ง) ทำให้โลกพินาศ ความริษยาและความเห็นแก่ตัวทำลายมิตรภาพ ความเกลียดชังคือไข้ที่ร้ายแรงที่สุด และ พระพุทธเจ้าคือแพทย์ที่ดีที่สุด”เทวดาจึงทูลว่า “บัดนี้ข้าพเจ้ายังมีข้อสงสัยอีกข้อหนึ่ง ที่ต้องการคำตอบให้แจ่มแจ้ง อะไรที่ไม่ไหม้ด้วยไฟ ไม่สลายด้วยน้ำ ไม่แตกกระจายด้วยลม แต่สามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้”พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ผลแห่งกรรมดี ไม่ว่า ไฟ น้ำ หรือ ลม ก็ทำลายผลแห่งกรรมดีไม่ได้ และผลแห่งกรรมดีสามารถเปลี่ยนโลกได้”เทวดาเมื่อได้สดับดังนี้ ก็เกิดปิติเป็นล้นพ้น ประณมหัตถ์น้อมลงถวายอภิวาทต่อพระบรมศาสดา และร่างเทวดาก็หายไปจากตรงนั้น#ร่วมเผยแพร่ธรรมทานร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น