วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ข่าวออนไลน์ประจำอำเภอบ้านผือจังหวัดอุดรธานีวันศุกร์ที่๑๖ตุลาคม๒๕๕๘ การประชุมนัดพิเศษ กรณีการเจรจาไกล่เกลียหาทางออกข้อพิพาทเรื่องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ นายประสาน ศรีลาวัลย์ประธานชมรมฯพร้อมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์เข้าร่วม ผอ.พิทยาสรรค์ไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทั้งสองฝ่ายอาจเกิดความคตรึงเครียดและเกิดข้อขัดแย้ง ณ.ห้องอุษา บารส ชั้น๒ที่อาคาร ที่ว่าการอำเภอบ้านผืออำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี


          นายอธิ พลชาลี ประธานเปิดการประชุม
 อ.จินดารัตน์ ศรีจันเวียง นั่งกลาง นายประสาน ศรีลาวัลย์ ประธานชมรมฯ


















วันศุกร์ที่๑๖คุลาคม๒๕๕๘เมื่อเวลา๑๐.๑๐น.นายอธิ พลชาลี ปลัดอำเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ)รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านผือ ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมนัดพิเศษ การเจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกข้อพิพาทเรื่องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ณ.ห้องประชุมอุสา-บารส ชั้น๒ อาคารที่ว่าการอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มี นายประสาน ศรีลาวัณ  อ.จินดารัตน์ ศรีจันทร์เวียง นายประภาส ปราบพาล (ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน) กำนันโนนทอง อ.อรุณ จันทะแจ้ง พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.บ้านผือ พร้อมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เวลาต่อมา นายอธิ พลชาลี ประธานเปิดการประชุมในครั้งนี้ ได้กล่าว  เนื่องด้วย ด้วยโรงเรียนศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ ได้ยื่นหนังสื่อต่อศูนย์ดำธงธรรมอำเภอบ้านผือ ขอความเป็นธรรมและการตรวจสอบการใช้อำนาจของผู้อำนวยการและคณะครู เพื่อแสดงจุยืนและมีความเห็นแตกต่าง ในการเปลี่ยนแปลงชื่อโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์  เพื่อให้เกิดการเจรจาไกล่เกลี่ย หาทางออกข้อพิพาทในเรื่องดังกล่าว  อำเภอบ้านผือ จึงขอเรียนเชิญทุกทาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมประชุมการเจรจา ไกล่เกลี่ยหาทางออก ข้อพิพาทการเปลี่ยนแปลงชื่อโรงเรียน  ตามที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบ้านผือ ได้รับหนังสื่อ ขอความเป็นธรรมจากชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้าน ผือพิทยาสรรค์ เมื่อวันที่๙ตุลาคม๒๕๕๘ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในข้อพิพาทที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นชื่อเสียงในภาพรวมของอำเภอบ้านผือ  ได้แจ้งได้ประสานไปยังผู้เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการประชุมเจรจาหาทางออก  ขอบคุณชมรมศิษย์เก่า โรงเรียน ผือพิทยาสรรค์ ที่ให้ความร่วมมือ ในการยื่นหนังสื่อใน วันที่๙ตุลาคม๒๕๕๘ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่เกิดการชุมนุม เป็นการยื่นหนังสื่อตัวแทนด้วยความสงบ ไม่ขัดต่อกฎหมาย การประชุมในวันนี้ทางอำเภอได้เรียนเชิญคณะกรรมการสถานศึกษาชั้นพื้นฐานโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ อุดรธานี (โรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์) เข้าร่วมประชุมการเจรจาไกล่เกลี่ยหาทางออกข้อพิพาท  แต่ทางโรงเรียนไม่มีหนังสื่อที่ ศธ.๐๔๒๕๐.๒๗/๕๙๑ แจ้งอำเภอบ้านผือว่าการประชุมเกรงว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์เผชิญหน้าทั้งสองฝ่ายและสร้างให้เกิดความตรึงเครียดอาจเกิดข้อขัดแย้งมากขึ้น จะไม่เกิดผลดี หากกลุ่มคัดค้าต้องการทราบรายระเอียดอื่นไดเพิ่มเติมสามารถมาสอบถามผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่โรงเรียนได้ เนื่องจากโรงเรียนได้ประกาศ ประชาสัมพันธ์ไว้ในที่เปิดเผย ส่วนรายระเอียดอื่น สามรถประสานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต๒๐ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาและผู้มีอำนาจในการอนุมัติการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษา ดังนั้นการประชุมในวันนี้อำเภอและหัวหน้าส่วนราชการจะขอรับฟังคำชี้แจง จากทางโรงเรียนศิษย์เก่า โรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ในหลักการและเหตุผลในการคัดค้านการ เปลี่ยนชื่อโรงเรียนในวันนี้  ขอเรียนเชิญท่านประสาน ศรีลาวัลย์ ประธานชมรมฯ ชี้แจ้งให้ที่ประชุมได้รับทราบต่อไป เวลาต่อมา นายประสาน ศรีลาวัลย์ประธานชมรมฯได้เชิญ อ.จินดารัตน์ชี้แจ้งในที่ประชุมต่อมา อ.จินดารัตน์ ศรีจันทร์เวียงได้กล่าวชี้แจ้งในที่ประชุมว่าการดำเนินการของชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ในครั้งนี้มีเจตนาที่จะทำให้โรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ พัฒนาจะเจริญรุ่งเรืองเป็นไปอย่างถูกต้องและคงไว้เพื่อเอกลักษณ์และความเป็นสถาบันที่ถ่ายทอดวิชาความรู้มายาวนานกว่า๔๕ปี การดำเนินการของคณะผู้บริหารโรงเรียนในครั้งนี้ ทางชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ความเห็นต่าง เนื่องจากการดำเนินการต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแนวปฏิบัติการเปลี่ยนชื่อสถานศึกษา ตามเอกสารที่แนบให้ที่ประชุมแล้ว ซึ่งมีหลักเกณฑ์ต่างๆ ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนผือพิทยาสรรค์ พิจารณาแล้วเห็นว่า ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนไม่ให้ได้ความสำคัญต่อชุมชน ศิษย์เก่าโดยไม่เปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็น หรือเสวนา หรือทำประชาวิจารณ์ หรือชี้แจงผลดี หรือผลกระทบจากการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน การดำเนินการต่างๆ เป็นการจัดการฝ่ายเดียว คือคณะผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษาฯ การจัดประชุมต่างๆก็ไม่ได้ครอบคลุมถึงชุมชนโดยการอ้างอิงความเห็นชอบจากชุมชนจากการจัดผ้าป่าประจำปีซึ่งโรงเรียนจะจัดเกือบทุกปี ในวันที่๑๙พฤษภาคม๒๕๕๘  ซึ่งผู้เข้าร่วมไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนแต่อย่างได เหตุที่ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ไม่ได้คัดค้านการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากทางคณะผู้บริหารโรงเรียนปิดบังไม่ได้แจ้งข่าวสารให้ทราบเป็นการทั่วไป การจัดประชุมก็เชิญเฉพาะกลุ่มที่เห็นด้วยเข้าประชุม ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว ไม่เปิดให้มีส่วนร่วมจากประชาชน ชุมชน ศิษย์เก่า จนได้มีขั้นถึงประกาศเปลี่ยนชื่อโรงเรียนแล้วทาง ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ จึงได้รับทราบ และชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องจะทำให้เกิดผลเสียหายมากกว่าผลดีต่อสถานบันการศึกษาที่มีมากว่ายาวนานกว่า๔๕ปี  จึงจำเป็นต้องแสดงเจตนารมในความเห็นต่างกันในครั้งนี้ ต่อมากำนันตำบลบ้านผือได้แสดงความคิดเห็น การดำเนินการขอเปลี่ยนชื่อโรงเรียนในเบื้องตน ก็ได้รับทราบข้อมูลอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนในหลักการและเหตุผล ก็ถือว่าการดำเนินการของโรงเรียนยังไม่ถูกต้องเท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่เป็นที่เข้าใจของชุมชน หมู่บ้าน กระผมในฐานะกำนันตำบลบ้านผือ ก็จะได้นำเรื่องคัดค้านการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนครั้งนี้ เข้าประชุมตำบลในวันที่๑๙ตุลาคม๒๕๕๘ นี้เพื่อแจ้งให้หมู่บ้านชุมชนได้รับฟังความคิดเห็นของชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ที่เห็นแตกต่างจากคณะผู้บริหารโรงเรียนฯถ้าท่านอยากจะชี้แจงให้หมู่บ้าน ชุมชนรับทราบข้อคิดเห็นก็เชิญได้ในวันดังกล่าว ณ.ที่ว่าการกำนันตำบลบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เวลาต่อมา นายประสาน ศรีลาวัลย์ ประธานชมรมฯได้กล่าวชี้แจงให้ที่ประชุมให้ทราบ    โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์ได้ตั้งมา๔๕ปี แล้วผมเป็นศิษย์รุ่นแรกที่ได้เข้าเรียน และอยากจะเห็นโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์เจริญรุ่งเรืองเป็นไปอย่างถูกต้อง ผมในฐานะประธานชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ และมีบ้านพักอยู่ใกล้ๆกับโรงเรียน  แต่ก็ไม่ทราบการประชุมเปลี่ยนชื่อโรงเรียนในครั้งนี้เลย  มาทราบก็ตอนที่มีการประกาศการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนแล้ว จึงเห็นว่ากระบวนการต่างๆไม่ถูกต้อง ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อชุมชน ศิษย์เก่า โดยไม่เปิดโอกาสให้มีความแสดงความคิดเห็น หรือเวทีเสวนา หรือทำประชาวิจารณ์ หรือชี้แจงผลดี หรือผลกระทบการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน การดำเนินการต่างๆเป็นการจัดทำฝ่ายเดียว คือคณะผู้บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษา การจัดประชุมต่างๆก็ไม่ได้ครอบคลุมชุมชน ต้องออกมาแสดงจุดยืนปกป้อง และให้คงไว้ซึ่งชื่อบ้านผือ พิทยาสรรค์ให้เป็นสถาบันที่เราชาวบ้านผือภาคภูมิใจ มีศิษย์ที่ประสบความสำเร็จได้งานทำที่สำคัญๆมากมาย  จะเอาคำไหนต่อท้ายชื่อบ้านผือ พิทยาสรรค์ก็ได้ แต่ขอคงไว้ให้ชื่อเดิมที่เป็นสถาบันอันภาคภูมิใจมายาวนาน  ต่อมานายประภาส ปราบพาล ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้กล่าวถึง ในข้อคิดเรื่องนี้ในที่ประชุมประจำเดือนผู้ใหญ่บ้านระดับอำเภอที่ทางผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี(โรงเรียนบ้านผือพิทยาสรรค์) ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเมื่อต้นเดือนตุลาคม๒๕๕๘นี้ ก็ได้รับฟังเฉพาะในส่วนดี จากการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนแต่จากการที่กลุ่มต่างๆยังไม่ยอมรับหรือเป็นที่เข้าใจ คิดว่าเป็นประชาสัมพันธ์ชี้แจงของทางโรงเรียนน่าจะมาชี้แจงก่อนหน้าที่จะมีการดำเนินการในการขอเปลี่ยนชื่อหรือช่วงระหว่างดำเนินการขอเปลี่ยนชื่อ เพื่อจะให้ผู้นำหมู่บ้านได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ ปัญหาจะไม่ได้เกิดขึ้น ในเรื่องนี้ผมก็ได้แย้ง ผอ.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี  ว่าน่าจะมาชี้แจงเร็วกว่านี้ ถ้าดูตามแนวปฏิบัติการเปลี่ยนชื่อสถานที่ศึกษาหลักเกณฑ์ ที่ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ แนบมานี้ถือว่าการดำเนินการของโรงเรียนไม่ถูกต้องตามหลัดเกณฑ์ ต่อมา พ.ต.อ.พรชัย บุญรอด ผกก.สภ.บ้านผือ ได้กล่าว ในมุมมองของผมการแก้ปัญหาจากการดำเนินการจัดประชุมก็ถูกต้องแล้ว แต่มีการเจรจายังไม่เป็นที่ตกลง หรือทำ ในแง่ของกฎหมายก็ไม่มีช่องทางในการดำเนินการชะรอยับยั้งหรือเพิกถอน โดยขออำนาจศาลปกครองในการตัดสิน เพื่อให้เกิดผลทางกฎหมายต่อไป ต่อมา กำนันตำบลโนนทอง ได้กล่าวในที่ประชุมในครั้งนี้ว่าผมได้เคยประชุมทางโรงเรียนก็ได้ฟังเฉพาะในสวนที่ดีจากการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนไม่ได้พูดผลเสียหรือผลกระทบ หรือจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การเปลี่ยนชื่อโรงเรียนในครั้งนี้ในระดับหมู่บ้านชุมชนก็ไม่ได้รับทราบข้อมูลหรือประชาสัมพันธ์ ต่อมานายประสาน ศรีลาวัลย์ได้กล่าวอีกว่าการดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ก็ได้ดำเนินการแล้ว และชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ ก็ได้ขอความเป็นธรรมกับกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักนายกรัฐมนตรี ในชั้นนี้ก็ขอความเป็นธรรมในระดับอำเภอเพื่อให้เป็นไปตามลำดับชั้นต่อมา อ.จินดารัตน์ได้กล่าวเสริมต่อที่ประชุมว่าการสร้างความแตกแยกนั้นทางชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ไม่เคยดำเนินการหรือคิดให้เกิดขึ้น  มีแต่ทางคณะผู้บริหารโรงเรียนได้ออกใบปลิวใช้คำพูดต่างๆเป็นวาทะกรรมทำให้เกิดความแตกแยก ผู้สร้างความขัดแย้งไม่ใช่ ชมรมชมรมศิษย์เก่าโรงเรียนบ้านผือ พิทยาสรรค์ แต่เป็นคณะผู้บริหารและครูส่วนหนึ่งเท่านั้นเองส่วน อ. อรุณ จันทะแจ้ง ได้กล่าวในที่ประชุมในครั้งนี้ได้กล่าวว่า ขอพูดในนามที่วางตัวเป็นกลางไม่ได้เข้าข้างกับฝ่ายไดฝ่ายหนึ่ง เรื่องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนมีแนวความคิดมาจาก ผอ.คนเก่า และคนใหม่ที่มาก็เห็นว่าจะเป็นผลดี มีการประชุมข้อความคิดเห็นจากคณะครูจำนวน๕๐.๖๐ คน ในการประชุมครั้งแรก สาเหตุที่ต้องการเปลี่ยนชื่อโรงเรียน เนื่องจากห้องเรียนไม่เพียงพอ การเข้าเป็นกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมจำทำให้อาคารใหม่และให้ได้ห้องเรียนเพิ่มขึ้น แต่จากการประชุมก็ไม่มีหลักประกันว่าจะได้รับงบประมาณในการก่อสร้างอาคาร๑๐๐เปอร์เซ็นต์อย่างได ผมคิดว่าไม่น่าจะเปลี่ยน เนื่องจากหากเปลี่ยนแล้วไม้ได้ตามที่คิดไว้จะเกิดผลกระทบอะไรใครจะรับผิดชอบ จึงแสดงจุดยืนและแสดงความคิดเห็นต่างมาโดยตลอดในการประชุมคณะครู แต่ผมไม่ค่อยได้รับเชิญให้แสดงความคิดเห็นดังที่กล่าวมา เวลาต่อมา นายอธิ พลชาลี ประธานที่ประชุมได้ฟังคำชี้แจงและความคิดเห็นการเปลี่ยนแปลงชื่อโรงเรียนในครั้งนี้ ได้สอบถามทุกท่านที่อยู่ในห้องประชุมมีข้อความสงสัยอะไรอีกหรือไม่ ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมก็ไม่มีใครคัดค้านแต่อย่างได นายอธิพลชาลีประธานพิธีเปิดการประชุมในครั้งนี้ ได้กล่าว การประชุมในครั้งนี้ทางผอ.โรงเรียนพิทยาสรรค์ไม่ได้มา แต่ได้ยื่นหนังสือให้นายอธิ พลชาลี ปลัดอำเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ)ให้มาชี้แจ้งในครั้งนี้ในเวลาเดียวกัน นายอธิ พลชาลี ปลัดอำเภอ(เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ)ทำพิธีปิดการประชุมอย่างเป็นทางการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น