เปิดบทลงโทษคนฝ่าฝืน “เคอร์ฟิว”
ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจต้องจำคุกถึง 2 ปี
หรือปรับ 4 หมื่นบาทวันที่ 2
เมษายน 2563
ภายหลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(โควิด-19) หรือ ศบค. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน และวันนี้จะมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกจากเคหสถานในเวลา
22.00 - 04.00 น. โดยจะเริ่มในวันที่ 3
เม.ย. นั้น ล่าสุดมีการเผยแพร่ ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่
2) ดังนี้ข้อ 1. ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่าง
22.00 - 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็น หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์
การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่งพัสดุภัณฑ์
การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ หรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน
โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง
และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด
ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่นๆ
โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ตามมาตรา 18
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548ข้อ
2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้าม เตือน
หรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด
พื้นที่หรือสถานที่ใด
โดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้
ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วยข้อ 3
ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใด
ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้
ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
จัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป
จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น